วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561

สื่อนอกเผย Apple Watch รุ่นใหม่จะเปลี่ยนปุ่มข้างเป็นแบบสัมผัส

Fast Company รายงานว่า Apple Watch รุ่นใหม่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของปุ่มเม็ดมะยม
 (digital crown) และปุ่มกดด้านข้างที่คาดว่าจะปรับมาใช้เป็นปุ่มเสมือนจริงแบบสัมผัสที่มาพร้อม
 Taptic Engine ซึ่งจะสามารถรับรู้แรงกดได้ด้วย ซึ่งตัวเม็ดมะยมและปุ่มกดนั้นจะยังคงมีอยู่เช่นเดิม
เพียงแต่เพิ่มระบบสัมผัสเข้ามาด้วยนั่นเอง
การปรับมาใช้ระบบสัมผัสเสมือนจริงใน Apple Watch นั้นคล้ายกับการปรับเปลี่ยนปุ่มโฮมใน iPhone 7
 หรือ trackpads บน MacBook โดยคาดว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ภายในหน้า ซึ่งการหันมาใช้ปุ่มสัมผัส
นั้นมีผลดีทำให้ Apple Watch กันน้ำได้ดีขึ้น รวมทั้งมีพื้นที่ให้สามารถใส่แบตเตอรีขนาดใหญ่ได้มากกว่าเดิม
 และที่น่าสนใจที่สุดก็คือการปรับมาใช้ปุ่มเสมือนจะเป็นการเบิกทางสำหรับการเพิ่มศักยภาพรองรับฟังก์ชัน
สุขภาพ ในกรณีที่ต้องตรวจวัดผ่านการสัมผัสกับผิวหนังผู้ใช้โดยตรง
ที่มา 

https://www.beartai.com/news/itnews/250202


วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561

พบข้อมูลลับใน ios 12 เผย iPad 

รุ่นใหม่อาจมาพร้อมกับ Face ID


นักพัฒนา Guilherme Rambo ค้นพบโค้ดใหม่ใน iOS 12 ที่เผยภาพอย่างชัดเจนว่า iPad รุ่นต่อไปนั้นอาจรองรับการใช้งาน Face ID เหมือน iPhone X ด้วย!
Rambo ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการใช้งานผ่าน Twitter โดยคลิปดังกล่าวนั้นแสดงหน้าต่างการตั้งค่าซึ่งมี UI ที่เหมือนกับ Face ID ของ iPhone X ไม่มีผิด
Apple ประกาศอย่างชัดเจนว่า iOS 12 จะมีการผสมลงโรงในเรื่องของการสั่งงานระหว่าง iPhone และ iPad ให้มีความสอดคล้องกันมากขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ว่า iPad รุ่นหน้าจะถอดปุ่มโฮมออก และใช้การสั่งงานแบบ iPhone X หรือ Indicator แทนครับ

วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2561

GitLab ใจป้ำ! เปิดให้โครงการโอเพ่นซอร์ส และสถาบันการศึกษาใช้งานได้ฟรีในแพลน Ultimate

หลังจากที่ Microsoft ได้ประกาศถึงการเข้าซื้อ GitHub อย่างเป็นทางการแล้ว ในฝั่งของ GitLab ก็ได้อัพเดทข่าวคราวลงบนเว็บไซต์ของตัวเองว่า
"มันเป็น 24 ชั่วโมง ที่บ้ามากๆ เพราะมีผู้คนกว่า 2,000 คน ทวีตโดยใช้แฮชแท็ก #movingtogitlab มีโครงการที่ส่งเข้ามายัง GitLab กว่า 100,000 repositories มีออเดอร์สั่งซื้อเพิ่มเข้ามาถึง 7 เท่า แล้ว Apple ก็ยังประกาศการรวม Xcode กับ GitLab อีกด้วย"
และไม่ว่าจะด้วยเหตุนี้หรือไม่ก็ตาม แต่ GitLab ก็ได้แสดงความใจป้ำ ด้วยการประกาศเปิดให้บริการฟรีในแพลน Ultimate และ Gold สำหรับสถาบันการศึกษาและโครงการโอเพ่นซอร์ส
สำหรับความแตกต่างระหว่างแพลน Ultimate และ Gold นั้นจะอยู่ที่รูปแบบโฮสต์ โดยแพลน Gold จะโฮสต์ไว้บน GitLab.com ส่วนแพลน Ultimate จะต้องมีโฮสต์เอง แต่ในส่วนของฟีเจอร์อื่นๆ นั้นสามารถใช้ได้อย่างครบครัน ทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและจากการอัพเดตในอนาคต
อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดเล็กน้อย นั่นคือ ทั้งแพลน Ultimate และ Gold ที่เปิดให้ใช้ฟรีนี้ จะไม่มีบริการ Support ติดมาด้วย ถ้าหากต้องการ Support เพิ่มเติมจะต้องจ่ายเพิ่มที่ $4.95 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน
จากการที่ GitLab เองก็เป็นบริการที่รองรับโครงการโอเพ่นซอร์สใหญ่ๆ อย่าง GNOME หรือ Debian ดังนั้น การหันมาส่งเสริมทั้งฝั่งโอเพ่นซอร์ส และการศึกษาก็น่าจะช่วยให้ GitLab ได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งนี้ GitLab ก็หวังว่าจะได้เห็นโครงการโอเพ่นซอร์สดีๆ เกิดขึ้นมาให้มากขึ้นด้วย

ที่มา about.gitlab.com